เมนู

ประทีป. อธิบายว่า เวลามืดค่ำ. ด้วยเหตุนั้น เทวดาจึงกล่าวว่า โย
อนฺธการมฺหิ ติมีสิกายํ
อธิบายว่า ในเวลามืดมิดมาก. บทว่า ททาติ
ทีปํ
ได้แก่ ตามหรือไม่ตามประทีป ถวายเป็นปทีปทาน. บริจาคเครื่อง
อุปกรณ์ประทีปอุทิศพระทักขิไณยบุคคล. บทว่า อุปฺปชฺชติ โชติรสํ
วิมานํ
ได้แก่ วิมานอันโชติช่วง ย่อมเกิดขึ้นโดยการถือปฏิสนธิ. คำที่
เหลือ มีนัยดังกล่าวมาแล้วทั้งนั้น.
ครั้งนั้น เมื่อเทวดากล่าวตอบข้อความ ตามที่พระเถระถามแล้ว
พระเถระนำถ้อยคำนั้นนั่นแล ให้เป็นอัตถุปปัตติเหตุเกิดเรื่อง รู้ว่านางมี
จิตเหมาะควรเป็นต้น เพราะกถาว่าด้วยทานเป็นอาทิ จึงประกาศสัจจะ 4
จบสัจจะ เทวดาองค์นั้นกับบริวารก็ตั้งอยู่ในพระโสดาปัตติผล. พระเถระ
กลับจากเทวโลกแล้ว ก็กราบทูลเรื่องนั้น ถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า. และ
เพราะเรื่องนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ทรงแสดงธรรมโดยพิสดาร แก่
บริษัทที่ประชุมกัน. เทศนานั้น ก็เกิดประโยชน์แก่มหาชน. โดยเฉพาะ
อย่างยิ่ง มหาชนก็ได้เคารพในปทีปทานแล.
จบอรรถกถาปทีปวิมาน

10. ติลทักขิณวิมาน


ว่าด้วยติลทักขิณวิมาน


[10] พระโมคคัลลานะถามว่า
ดูก่อนเทวดา ท่านมีวรรณะงาม ส่องแสงสว่าง
ไปทุกทิศ เหมือนกับดาวประกายพรึกฉะนั้น เพราะ

บุญอะไร ท่านจึงมีวรรณะเช่นนี้ เพราะบุญอะไร ผลนี้
จึงสำเร็จแก่ท่าน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดขึ้น
แก่ท่าน เพราะบุญอะไร ท่านมีรัศมีสุกรสรุ่งโรจน์ล้ำ
เทวดาทั้งหลาย เพราะบุญอะไร ทุกทิศจึงสว่างไสว
จากทุกส่วนร่างกายของท่าน.

ดูก่อนเทพีผู้มีอานุภาพมาก อาตมาของถามท่าน
ครั้งเป็นมนุษย์อยู่ ท่านได้ทำบุญอะไร จึงมีอานุภาพ
รุ่งเรืองถึงเช่นนี้ และวรรณะของท่านจึงสว่างไสวไป
ทุกทิศ.

เทวดานั้น ถูกพระโมคคัลลานะซักถามแล้ว
ดีใจ ครั้นแล้วก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมทั้งมีผลอย่าง
นี้ว่า

ในชาติก่อน ครั้งเป็นมนุษย์อยู่ในหมู่มนุษย์
ในมนุษยโลก ดีฉันได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจาก
กิเลสดุจธุลี ผ่องใสไม่มัวหมอง ก็เลื่อมใสทั้งที่มิได้
ตั้งใจจะถวาย ก็ได้ถวายเมล็ดงาเป็นทาน อย่าง
กะทันหัน แด่พระพุทธเจ้าผู้เป็นพระทักขิไณยบุคคล
ด้วยมือตนเอง เพราะบุญนั้น ดีฉันจึงมีวรรณะเช่นนี้
เพราะบุญนั้น ผลนี้จึงสำเร็จแก่ดีฉัน และโภคะทุก
อย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ดีฉัน.

ข้าแต่ท่านภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ดีฉันขอบอก
แก่ท่าน ครั้งเป็นมนุษย์อยู่ ดีฉันได้ทำบุญใดไว้

เพราะบุญนั้น ดีฉันจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และ
วรรณะของดีฉันจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

จบติลทักขิณวิมาน

อรรถกถาติลทักขิณวิมาน


ติลทักขิณวิมาน มีคาถาว่า อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน เป็นต้น. ติล-
ทักขิณวิมานนั้น เกิดขึ้นอย่างไร ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถ-
บิณฑิกะ กรุงสาวัตถี. สมัยนั้น ในกรุงราชคฤห์ หญิงผู้หนึ่งมีครรภ์ อยาก
จะดื่มน้ำมันงา จึงล้างเมล็ดงาแล้วให้ตากแดดไว้ แต่หญิงผู้นั้น หมดอายุ
แล้ว ธรรมดาจะต้องจุติในวันนั้น เพราะกรรมของนาง ที่จะให้ไปนรก
คอยโอกาสอยู่แล้ว. ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรวจดูโลกเวลา
ใกล้รุ่ง ทรงเห็นนางด้วยทิพยจักษุ ทรงพระดำริว่า วันนี้ หญิงผู้นี้จักตาย
ไปบังเกิดในนรก ถ้ากระไร เราพึงท่านางให้ไปสวรรค์ด้วยการรับอาหาร
คืองา. พระองค์ก็เสด็จจากกรุงสาวัตถี ถึงกรุงราชคฤห์ ขณะนั้นนั่นเอง
เวลาเช้าทรงนุ่งแล้ว ก็ทรงถือบาตรและจีวรเที่ยวบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์
เสด็จถึงประตูเรือนของนางโดยลำดับ. หญิงผู้นั้น เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า
เกิดปีติโสมนัส รีบลุกขึ้นประคองอัญชลีประนม ไม่เห็นสิ่งอื่นที่ควรถวาย
ล้างมือเท้าแล้ว ตะล่อมงาเป็นกอง กอบด้วยมือทั้ง 2 เกลี่ยงาเต็มอัญชลี
ลงในบาตรของพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วถวายบังคม. พระผู้มีพระภาคเจ้า
เมื่อจะทรงอนุเคราะห์นางจึงตรัสว่า จงเป็นสุขเถิด แล้วเสด็จกลับไป.